13 ตุลาคม 2568 – นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษา Human rights watch ประเทศไทย โพสต์ข้อความในx ระบุว่าด่วน! กลายเป็นเรื่องใหญ่! (11 ต.ค.) #กัมพูชา ร้องเรียนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น และผู้สังเกตการณ์นานาชาติ ขอให้ตรวจสอบกรณี #ไทย ใช้ลำโพงขนาดใหญ่เปิดเสียงผี และเสียงเครื่องบิน รบกวน และสร้างความหวาดกลัวแก่ชุมชน #ชายแดนไทยกัมพูชา บ้านจกเจย–บ้านเปรยจัน (บ้านหนองหญ้าแก้ว–บ้านหนองจาน) ถือเป็นการคุกคามทางจิตวิทยาต่อพลเรือน … ผิดชัดเจน …

พลาดมากจริงๆ เปิดโอกาสให้ #กัมพูชา สามารถกล่าวหา #ไทย ได้อย่างมีน้ำหนักเป็นครั้งแรก

1) ทำอะไร? ใช้ลำโพงรถแห่เปิดเสียงโหยหวน และเสียงเครื่องบิน โดย #กันจอมพลัง โพสต์ว่าเจตนารบกวนเวลานอน และสร้างความหวาดกลัว ถือเป็นปฏิบัติการจิตวิทยาที่อาจเข้าข่ายการทรมานด้วยเสียง ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน กฎหมายระหว่างประเทศ (โดยเฉพาะอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน) และกฎหมายไทย (พรบ.ต่อต้านการทรมาน)

2) ทำต่อใคร? เป้าหมายสำคัญ คือ เปิดเสียงดังข้ามแนวรั้วลวดหนามของไทยใส่ชุมชนกัมพูชาในพื้นที่บ้านจกเจย และบ้านเปรยจัน (#บ้านหนองจาน และ #บ้านหนองหญ้าแก้ว) เข้าข่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงด้วยการยั่วยุ คุกคาม และสร้างความหวาดกลัวแก่พลเรือนกัมพูชา

3) ใครทำ และทำที่ไหน? เอารถแห่ไปจอดในพื้นที่ #กฎอัยการศึก ซึ่งใครจะเข้าไปโดยพลการไม่ได้ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ต่อให้ผู้กระทำไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่แบบนี้กองทัพจะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร

“จบนะ! นายกฯ #อนุทิน และกองทัพเลือกให้ท้าย #กันจอมพลัง แบบนี้เหมือนล้มกระดานการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องของนักการทูตที่อาศัยการเคารพกฎกติกาสากลสร้างความชอบธรรมให้ไทย และตอบโต้กัมพูชาได้ในทุกประเด็นที่ผ่านมาเกี่ยวกับปัญหาพิพาท #ชายแดนไทยกัมพูชา” นายสุณัย ระบุ.

ขอบคุณข้อมูลจาก : เปลว สีเงิน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็น
กรุณาใส่ชื่อคุณ