วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2568 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา ดร.สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน รับยื่นหนังสือจาก นายภัคณณัฎฐ์ ทองประเสริฐ ผู้แทนผู้ใช้แรงงานต่างด้าว เรื่อง ขอให้ตรวจสอบ โครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงาน และให้บริการรับคำขอ และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน
สืบเนื่องมาจาก กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้มีการดำเนินงาน ให้มีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการฯ ดังกล่าว โดยเป็นการจ้างเหมาเอกชนดำเนินการผลิตใบอนุญาตทำงาน และให้บริการรับคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนงาน ประกอบด้วย กระบวนงานการขอใบอนุญาตทำงาน กระบวนงานการต่ออายุ/ขยายระยะเวลาใบอนุญาตทำงาน กระบวนงานการขอใบแทนใบอนุญาตทำงาน กระบวนงานการขอเปลี่ยนแปลงรายการในใบอนุญาตทำงาน กระบวนงานแจ้งการจ้างคนต่างด้าวทำงานกระบวนงานแจ้งคนต่างด้าวออกจากงาน กระบวนงานแจ้งการส่งมอบคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตาม MOU ให้กับนายจ้าง และกระบวนงานการเพิกถอนใบอนุญาตทำงาน
ทั้งนี้ นายทะเบียนจะเป็นผู้พิจารณาการอนุญาตหรือรับแจ้งการทำงานก่อนที่ผู้รับจ้างจะดำเนินการผลิตใบอนุญาตทำงาน หรือออกหนังสือรับแจ้ง รวมถึงการจัดหาที่ตั้งศูนย์ให้บริการใบอนุญาตทำงาน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค บุคลากร ตลอดจนเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาให้บริการ มีระบบการยืนยันตัวตนบุคคลของคนต่างด้าว เช่น ระบบการจัดเก็บข้อมูลใบหน้า ข้อมูลม่านตา และลายนิ้วมือ (จัดเก็บอัตลักษณ์) เป็นต้น ผู้รับจ้างต้องดำเนินการจัดหาสถานที่พร้อมทำการปรับปรุง ตกแต่ง และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับใช้เป็นที่ทำการ และให้บริการของศูนย์บริการและศูนย์กำกับ เพื่อให้บริการตามขอบเขตของงานนี้
ซึ่งโครงการดังกล่าวมีงบประมาณสูง ประมาณเจ็ดพันกว่าล้านบาท ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ และขอให้เร่งรัดให้บริษัทเอกชนดังกล่าว ชำระค่าปรับกรณีไม่สามารถส่งมอบงานได้ โดยค่าปรับมีมูลค่าสูงถึงร้อยล้านบาท จากการตรวจสอบของเครือข่ายเฝ้าระวัง เพื่อความโปร่งใสและยุติธรรม ทราบว่า ปัจจุบันมีการช่วยเหลือบริษัทเอกชน รายดังกล่าว โดยการขยายเวลา ในการส่งมอบงานออกไปอีก 100 วัน ทำให้หน่วยงานราชการได้รับความเสียหาย ไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ตามกำหนดเวลา
ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า คณะ กมธ. ขอขอบคุณที่นำเรื่องดังกล่าวมาร้องเรียนต่อคณะ กมธ. ซึ่ง คณะ กมธ.เคยได้รับเรื่องทำนองเดียวกันมาแล้ว และได้ตั้งคณะอนุ กมธ. ขึ้นมาพิจารณาจนได้ข้อสรุปแล้ว พร้อมนำข้อมูลใหม่นี้ ไปใช้ประกอบการพิจารณาในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อทำตามกรอบหน้าที่และอำนาจของคณะ กมธ. โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป