กรณีนายทักษิน ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี  จำเลยคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก และคดีอื่นๆ ที่หลบหนีออกนอกประเทศนานหลายสิบปี  ได้ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อขอรับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในช่วงเช้าวันที่ 22 ส.ค.  เกี่ยวกับเรื่องนี้

วันที่ 21 ส.ค.นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม  เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้  หากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง คาดว่าจะนำตัวมาถึงศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง  ในช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. จากนั้นจะพาตัวเข้าสู่ห้องพิจารณาคดี ซึ่งห้องดังกล่าวจะอนุญาตให้เพียงฝ่ายโจทก์และญาติของจำเลยเท่านั้นที่เข้าห้องพิจารณาได้ โดยจะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปร่วมรับฟังเด็ดขาด 

เนื่องจากมาตรการการรักษาความปลอดภัย เพราะในวันดังกล่าวศาลฎีกาฯ ยังนัดอ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดีทุจริตก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ที่ปปช.เป็นโจทก์ฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับพวกเป็นจำเลย โดยศาลจะกำหนดพื้นที่ให้สำหรับโจทก์และญาติของคดีก่อสร้างโรงพัก ใช้พื้นที่ประตูด้านหลังฝั่งคลองหลอด

ส่วนคดีของนายทักษิณคาดว่าจะนำตัวเข้าทางประตูฝั่งสนามหลวง ด้านหน้าศาลฎีกา และจะอนุญาตให้สื่อมวลชนรายงานข่าวอยู่ด้านนอกรั้วศาลเท่านั้น และจะไม่มีการถ่ายทอดภาพ เสียงและสัญญาณสดจากห้องพิจารณาคดี แต่จะออกใบแถลงข่าวให้ภายหลังพิจารณาคดีเสร็จสิ้น

สำหรับสื่อมวลชนที่ไปติดตามข่าวสามารถถ่ายภาพและบันทึกภาพนอกรั้วศาล รวมถึงสามารถรายงานสดและไลฟ์สดได้นอกรั้วศาลเช่นกัน ส่วนสถานีโทรทัศน์ช่องใดจะนำรถโอบีไปจอดให้จอดฝั่งสนามหลวงเท่านั้นและประสาน กับกทม.

ทั้งนี้ เมื่อสอบถามถึงรายละเอียดผลคำพิพากษาคดีของนายทักษิณว่าจะมีการนับโทษต่อหรือไม่ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของศาลฎีกาฯที่เคยได้อ่านไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งรายละเอียดของการพิจารณาคดี ทางศาลฎีกาฯ ได้เตรียมออกใบแถลงข่าวให้แก่สื่อมวลชนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้มีรายงานว่าทงศาลฎีกาได้มีการประชุมภายในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยในช่วงบ่ายจะประชุมกับทางตำรวจ

โดยวันพรุ่งนี้  ศาลฎีกาไม่อนุญาตเด็ดขาด ให้สื่อเข้าพื้นที่ภายในรั้วของศาล ทั้ง 2 คดี  (คดีนายสุเทพ และคดีนายทักษิณ)โดยให้สื่อมวลชนทำข่าวบริเวณนอกรั้วศาลฎีกาเท่านั้น  ส่วนรถถ่ายทอดสด (OB) ให้จอดฝั่งสนามหลวงตรงข้ามศาลฎีกา และฝั่งด้านคลองหลอดโดยอนุญาตให้สื่อมวลชนทำข่าวได้บริเวณนอกรั้วด้านหลังศาลริมคลองหลอดเท่านั้น.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็น
กรุณาใส่ชื่อคุณ