ช่วงนี้มีข่าวเรื่องผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยถูกกำลังภายในหลายสายโถมทับ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกของเมืองไทย การเมืองมักเข้าไปยุ่มย่ามกับกิจการธนาคารแห่งประเทศไทยเสมอ

ทำให้นึกถึง ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้ว่าการธนาคารชาติยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

กำลังภายในของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แรงมาก สามารถสั่งยิงเป้าใครก็ได้ตามใจชอบ แต่เมื่อเจอคนจริงอย่าง ดร. ป๋วย จอมพลสฤษดิ์ก็เปลี่ยนจากเสือเป็นแมว

ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เคยเล่าว่า ในช่วงปลายที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ครองอำนาจ มีคนสามคนถือเขาเป็นศัตรู ทั้งสามล้วนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ได้แก่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และพล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ภายใต้ความขัดแย้งและแรงกดดัน ผู้ใหญ่จึงส่งเขาไปทำงานที่ประเทศอังกฤษ

ป๋วยเป็นลูกคนจีน ฐานะไม่ดี ชีวิตต้องดิ้นรนแต่เด็ก อาศัยที่รักดี ก็เรียนจบธรรมศาสตร์บัณฑิตรุ่นแรกจากมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2480

ปีถัดมาเขาสอบชิงทุนรัฐบาลได้ ไปเรียนปริญญาตรี สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์และการคลัง ที่ London School of Economics & Political Science มหาวิทยาลัยลอนดอน เรียนสามปีก็จบด้วยคะแนนสูง เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

เมื่อกองทัพญี่ปุ่นบุกเมืองไทยในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2484 รัฐบาลไทยโดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ร่วมวงไพบูลย์กับญี่ปุ่น ประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐฯ รัฐบาลไทยออกคำสั่งให้คนไทยในอังกฤษและสหรัฐฯเดินทางกลับ ป๋วยเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ไม่ทำตามคำสั่ง ตรงกันข้ามกลับเข้าร่วมขบวนการเสรีไทย ต่อต้านญี่ปุ่น

ป๋วยและเสรีไทยรวม 36 คนสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพบกอังกฤษ เรียกว่า กลุ่มช้างเผือก ใช้ชื่อว่า เข้ม เย็นยิ่ง ฝึกหลักสูตรการทหารที่อินเดียนานหกเดือน เป็นเสรีไทยชุดแรกที่มาปฏิบัติการในไทย

ระหว่างการเข้ามาปฏิบัติการ เขาถูกชาวบ้านจับไปส่งตำรวจ ตั้งข้อหาสายลับ ส่งตัวไปกรุงเทพฯ แต่เสรีไทยที่กรุงเทพฯช่วยจัดการจนได้พบ ปรีดี พนมยงค์

ปรีดี พนมยงค์ ส่งป๋วยกลับไปอังกฤษอีกครั้ง เพื่อเจรจาให้รัฐบาลอังกฤษยอมรับขบวนการเสรีไทยเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรม และยอมให้ถอนเงินสำรองที่รัฐบาลไทยฝากไว้ที่ธนาคารกลางอังกฤษ

หลังสงครามโลก ดร. ป๋วยเดินทางกลับประเทศไทย และปฏิเสธการทำงานกับบริษัทเอกชนทุกแห่ง ทิ้งโอกาสและผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่เอกชนเสนอให้ เขาเลือกเข้ารับราชการ เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินที่ส่งเขาไปเรียนที่ต่างประเทศ

ดร. ป๋วยรับราชการในตำแหน่งเศรษฐกร กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ไต่เต้าขึ้นเป็นผู้ช่วยฝ่ายวิชาการของปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และในปี 2496 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้เงินบาทมีเสถียรภาพและเงินสำรองระหว่างประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น

ในปี 2496 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ต้องการซื้อสหธนาคารกรุงเทพจำกัด แต่ถูก ดร. ป๋วยขัดขวางโดยไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เนื่องจากธนาคารแห่งนี้กระทำผิดระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องถูกปรับเป็นเงินหลายล้านบาท จอมพลสฤษดิ์ไปพบ ดร. ป๋วย ขอร้องเชิงบังคับให้ยกเลิกการปรับ แต่ ดร. ป๋วยไม่ยอม ในที่สุดธนาคารก็เสียค่าปรับ

จอมพลสฤษดิ์โกรธ ดร. ป๋วยมาก ผลก็คือปลายปีนั้น เขาถูกสั่งย้ายพ้นจากตำแหน่งรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไปรับราชการเป็นผู้เชี่ยวชาญการคลัง กระทรวงการคลัง

มิเพียงขวางทางจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เขายังไปขัดขา พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจผู้มีอำนาจล้นฟ้า ไม่กี่ปีก่อนหน้านั้น อัศวินตำรวจในสังกัดได้สังหารโหดสี่รัฐมนตรีกลางกรุง การขวางทางอธิบดีกรมตำรวจเป็นเรื่องอันตรายยิ่ง

นอกจากตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พล.ต.อ. เผ่าได้เสนอให้รัฐบาลเปลี่ยนบริษัทพิมพ์ธนบัตร จาก บริษัท ธอมัส เดอ ลา รู (Thomas de la Rue) เป็นบริษัทแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

ดร. ป๋วยขัดขวางเรื่องนี้ ให้เหตุผลว่าผลงานของ บริษัท ธอมัส เดอ ลา รู ได้มาตรฐานกว่า การปลอมธนบัตรทำได้ยากกว่า อีกทั้งกล่าวว่าบริษัทที่ พล.ต.อ. เผ่าเสนอไม่น่าเชื่อถือ และมีชื่อเรื่องการวิ่งเต้น

รัฐบาลทำตามคำแนะนำของ ดร. ป๋วย เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจแก่ พล.ต.อ. เผ่าเป็นอย่างมาก

เพื่อความปลอดภัยและลดแรงกดดันรอบทิศ พระบริภัณฑ์ยุทธกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงขอให้ ดร.ป๋วย ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจการคลัง ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทยในอังกฤษ

คนดีคนซื่อสัตย์อยู่ในเมืองไทยลำบาก

ผ่านไปสองปี จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหาร ก็ถึงคราวคิดบัญชี ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ จอมพลสฤษดิ์สั่งตามตัว ดร. ป๋วยมาทันที เมื่อพบตัวแล้วกล่าวว่า “ผมต้องการให้คุณมาทำงานกับผม”

ศัตรูที่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้นหายาก ศัตรูที่หาญกล้าต่อกรอำนาจที่เหนือกว่าเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชนยิ่งหายาก

มีแต่ผู้นำโง่บรมโง่จึงไม่ใช้คนแบบนี้

จอมพลสฤษดิ์แต่งตั้งให้ ดร. ป๋วยเป็นผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

ต่อมาระหว่างที่ประชุมคณะรัฐมนตรีดีบุกโลกที่ลอนดอน ดร. ป๋วยได้รับโทรเลขจากจอมพลสฤษดิ์ให้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร. ป๋วยปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่งนี้ ให้เหตุผลว่าตนได้สาบานตอนเข้าเป็นเสรีไทยว่า จะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ยกเว้นแต่เกษียณอายุราชการไปแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่า การร่วมคณะเสรีไทยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง จอมพลสฤษดิ์จึงแต่งตั้ง ดร. ป๋วยเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และแต่งตั้ง ดร. ป๋วยเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังอีกตำแหน่งหนึ่ง ดร. ป๋วยในวัย 43 ปีจึงคุมทั้งนโยบายด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณของประเทศ

หากมิใช่เพราะจอมพลสฤษดิ์เห็นว่า ดร. ป๋วยเป็นคนซื่อสัตย์ ทำงานเพื่อแผ่นดินจริง ๆ ย่อมไม่ยกตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งให้

จอมพลสฤษดิ์เป็นเผด็จการก็จริง แต่รู้จักใช้คนดี ตลอดหลายปีนั้นจอมพลสฤษดิ์ไม่ก้าวก่ายงานของ ดร. ป๋วยเลย เพราะเชื่อว่าเขาจะทำงานสุดความสามารถและสุจริต และอีกประการ ก็คงรู้ว่าก้าวก่ายไม่สำเร็จแน่ ความประพฤติของ ดร. ป๋วยตรงดุจทวนเหล็ก ซื้อไม่ได้

ครั้งหนึ่งจอมพลสฤษดิ์พูดกับ ดร. ป๋วยว่า “บ้านของคุณเป็นเรือนไม้เล็ก ๆ อยู่ไม่สบาย ผมจะสร้างตึกให้ใหม่เอาไหม?”

ดร. ป๋วยตอบขอบคุณ แต่ปฏิเสธ เมื่อถูกถามหลายหน ก็ตอบว่า “ภรรยาผมไม่ชอบอยู่ตึก”

ดร. ป๋วยมีบทบาทสำคัญอีกหลายด้านต่ออนาคตของประเทศไทย ทั้งด้านการเงินและการศึกษา เป็นผู้มีส่วนผลักดันให้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เป็นพิมพ์เขียวก่อร่างสร้างประเทศ

ตลอดสิบสองปีที่ ดร. ป๋วยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นห้วงสมัยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยถูกการเมืองแทรกแซงน้อยที่สุด เขาสามารถรักษาเสถียรภาพเงินตราได้อย่างแข็งแกร่ง เริ่มนวัตกรรมต่าง ๆ ทางการเงิน อดีตเสรีไทย นายเข้ม เย็นยิ่ง เป็นบุคคลที่ต่างประเทศยกย่องนับถืออย่างยิ่ง

จนเมื่อการเมืองไทยพลิกผันสู่ความโสมมอีกครั้งในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นายเข้ม เย็นยิ่ง ก็ต้องลี้ภัยในต่างประเทศ ก่อนไปถูกนายตำรวจคนหนึ่งตบหน้าที่สนามบิน

สิบเอ็ดปีต่อมา เมื่อนายเข้ม เย็นยิ่ง กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยสองพันคนยืนต้อนรับเขาด้วยน้ำตา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักศึกษายืนต้อนรับ ถือป้ายข้อความว่า ‘ปลื้มใจนักเตี่ยกลับบ้าน’

คนดีจริงตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

คนเก่งที่ซื่อสัตย์ แม้แต่คนเกลียดก็คารวะ

คนจริงที่หาญต้านอำนาจเถื่อน แม้แต่ศัตรูก็ยำเกรง

ขอให้หลักการของ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้หาญยืนต้านอำนาจเถื่อนโดยไม่เกรงกลัว จงเป็นแสงสว่างและกำลังใจแก่ข้าราชการทุกคน ให้ตั้งเป้าทำงานเพื่อชาติ มิใช่รับใช้ใคร

จากหนังสือ สามก๊กบนเส้นขนาน / วินทร์ เลียววาริณ

(ขอบคุณภาพจากสารคดี) วินทร์ เลียววารินทร์

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็น
กรุณาใส่ชื่อคุณ