เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 25 พ.ค. 66 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรีน.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 38 ปี นำเอกสารหลังฐานเดินทางเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือในเรื่องคดีที่ถูกเพื่อนสาวคนสนิทที่คบกันกันมานานกว่า 20 ปี หลอกให้ร่วมลงทุนขายวัสดุก่อสร้างทิพย์สูญเงินไปกว่า 7 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าในกลุ่มเพื่อนสนิทถูกหลอกอีกกว่า 10 รายร่วมกันกว่า 30 ล้านบาท จึงเดินทางมาขอให้ทางทนายความช่วยเหลือในเรื่องคดีดังกล่าว

น.ส.เอ นามสมมุติ กล่าวว่าตนรู้จักกับน.ส.บี นามสมมุติ อายุ 38 ปี เพื่อนสนิทซึ่งเรียนมาด้วยกันตั่งแต่มัธยมต้น โดยเมื่อช่วงปลายปี 63 น.ส.บีได้พูดชักชวนให้ตนนำเงินมาร่วมลงทุนซื้อขายวัสดุก่อสร้างซึ่งน.ส.บีเป็นเจ้าของบริษัท โดยบอกว่าจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 17 เปอร์เซนต์ ต่อ 30 วันด้วยความที่เป็นเพื่อนกันและเห็นว่าถ้าร่วมลงทุนด้วยแล้วได้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงจึงได้ลงทุนเงินก้อนแรกไป 280,000 บาท งวดแรกก็ได้ผลตอบแทนดี แต่พอลงทุนไปเรื่อยจนยอดเงินลงทุนกว่า 7 ล้านบาท ก็ไม่ได้เงินที่ลงทุนคืนและติดต่อน.ส.บีไม่ได้จึงได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ และนำเรื่องมาร้องเรียนให้ทางทนายความช่วยเหลือในเรื่องคดีความ

ด้านนายวีรภัทร ฤทธาภิรมย์ อายุ 37 ปี ผู้เสียหายอีกรายกล่าวว่า ตนกับน.ส.บีเป็นเพื่อนสนิทกันตั่งแต่เรียน กระทั่งปี 65 น.ส.บี ได้มาขอร้องให้ตนช่วยร่วมลงทุนขายวัสดุก่อสร้างโดยอ้างว่ากลุ่มเพื่อนที่ร่วมลงทุนไปก่อนหน้านี้ได้ถอนหุุ้นออกไปทำให้ไม่มีเงินหมุนเวียนจ่ายค่าของ ตนจึงช่วยเหลือโดยร่วมลงทุนไป 2 ล้านบาท ก็ไม่ได้คืนเหมือนกัน



ด้านทนายรณณรงค์กล่าวว่า คนก่อเหตุเป็นคนๆเดียวที่หลอกลวงกลุ่มเพื่อนในลักษณะการร่วมลงทุน ซึ่งมันเข้าข่ายฉ้อโกง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับแจ้งในหลายพื้นที่ควรส่งเรื่องมาที่กองปราบปรามเพื่อรวมสำนวนและอายัดบัญชีคนก่อเหตุเพื่อนำเงินมาคืนให้ผู้เสียหายต่อไป
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงโต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี